ปัญหาเรื่องการ Shutdown หรือปิดการทำงานของคอมพิวเตอร์ เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า น่ารำคาญอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อต้องเร่งรีบ เช่นปิดเครื่องแล้วรีบไปทำอย่างอื่นต่อ ก็ต้องมานั่งรอจนกว่าจะปิดเครื่องเสร็จ เล่นเอารอกันจนเมื่อยเลยทีเดียว ซึ่งปัญหานี้มีโอกาสที่พบกันได้บ่อยกับเครื่องคอมพ์ทั่วไป รวมถึงเครื่องใหม่ที่ใช้งานมาไม่นาน
ซึ่งการแก้ไขนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอาการที่เกิดขึ้น ซึ่งมีโอกาสที่เป็นได้ทั้งจากตัวฮาร์ดแวร์เอง รวมถึงที่เป็นซอฟต์แวร์ก็มีให้เห็นด้วยเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากสองสิ่งรวมๆ กัน จนทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้นมา แนวทางแก้ไขก็มีอยู่ด้วยกันหลายส่วน เพียงแต่ต้องตรวจเช็คอาการให้แน่ใจ เพื่อการแก้ไขได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
1.สิ่งแรกที่ควรต้องดูก็คือ มีโปรแกรมใดที่กำลังอัพเดตหรือทำงานอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ด้วยการเข้าไปตรวจเช็คใน Task Manager แล้วดูว่ามีโปรแกรมใด มีการเรียกใช้ Process จากซีพียูอยู่หรือเปล่า ถ้ามีให้ End Process ทิ้งไป
2.แต่หากเป็นโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้งานหรือไม่คุ้นเคย ให้ลองค้นหาชื่อโปรแกรมเหล่านั้นเสียก่อน ตรวจสอบให้แน่ใจ กรณีที่ไม่ได้ใช้หรือเป็นโปรแกรมแฝง ก็ให้ Uninstall ทิ้งไปเสีย
3.ต่อมาให้ตรวจเช็คไวรัส โทรจัน ด้วยการใช้โปรแกรม Anti-Virus ในการสแกนหาไวรัสหรือไฟล์โทรจันที่อาจเข้ามาแอบทำงานอยู่หลังบ้านหรือในระบบ จนส่งผลต่อการชัทดาวน์ได้ ซึ่งในบางครั้งอาจจะต้องพึ่งพาโปรแกรมประเภท Removal ในการลบโทรจันเหล่านั้น
4.ตรวจสอบการทำงานของฮาร์ดดิสก์ว่ามีสิ่งผิดปกติหรือไม่ ซึ่งบางครั้งการอ่านข้อมูลของไดรฟ์แบบติดๆ ขัดๆ หรือมีความผิดปกติเรื่องระบบการอ่านข้อมูลภายใน อาจส่งผลให้การชัทดาวน์นานขึ้น ซึ่งอาจใช้โปรแกรมประเภท HD Tune มาใช้ตรวจสอบได้
5.การตรวจเช็คสภาพและการดูแลรักษาก็มีส่วนช่วยลดปัญหาการชัทดาวน์ช้าหรือนานได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการ Clear Temp, Scan Disk และ Defragment
6.แต่ถ้าไม่อยากวุ่นวายหรือต้องการทางลัดในการแก้ไขปัญหาให้ทุเลาเบาบางลง ก็อาจจะใช้วิธี Restore ระบบเดิมที่เคยใช้หรือเป็นการ Recovery ระบบ แต่ก็จำเป็นที่จะต้องทำระบบสำรองเอาไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะนำไฟล์ System เดิม นำมา Restore ใหม่อีกครั้งหนึ่ง